#MechReview SteelSeries Apex M650 ดีไซน์โค้งสวยงามพร้อมไฟจัดจ้าน

ถ้าพูดถึงแบรนด์ Gaming Gear ที่บุกเข้าตลาดไทยอย่างหนักหน่วงตอนนี้ หนึ่งในนั้นคงไม่พ้นแบรนด์ SteelSeries ที่เรียกได้ว่าขนกองทัพ Gaming Gear เปิดตัวรัวๆ เลยครับ

แน่นอนว่าทางเวป KBGangster เป็นเวปเกี่ยวข้องกับ Keyboard ก็ได้รับสินค้ามารีวิวเช่นกัน โดยทาง SteelSeries ประเทศไทย ได้ส่ง M650 ทั้งสามสวิตช์ (Red, Black, Blue) และ M100 (รุ่นปุ่มยาง) มาให้ผมยืมรีวิวให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันครับ

SteelSeries ได้เป็นแบรนด์ที่เข้ามาไทยได้ระยะหนึ่งและสร้างชื่อให้คนไทยรู้จัก Mechanical Keyboard กันในรุ่น 6GV2 ที่หลายคนรู้จักดีกันเลย

มาตอนนี้ Apex M650 เป็นรุ่นที่สูงที่สุดของ SteelSeries ที่จำหน่ายอยู่ในประเทศไทยขณะนี้ (M750 เพิ่งเปิดตัวและยังไม่มีกำหนดเข้าประเทศไทยครับ และราคาแรงกว่าไปอีกระดับหนึ่ง)

สามารถดูวิดีโอประกอบการรีวิวได้ด้วยนะครับผม

แกะกล่อง

SteelSeries Apex M650 ถูกบรรจุมาในกล่องกระดาษที่ค่อนข้างรัดกุมและไม่เทอะทะ (ภาพอาจจะสภาพมาหลายมือหน่อยนะครับ พอดีเป็นตัวรีวิว)

เปิดกล่องออกมาก็จะเจอ M650 อยู่ในถุงพลาสติก พร้อมกับสายม้วนเก็บไว้ด้านหลังอย่างดีครับ โดยอุปกรณ์ที่มีให้เพิ่มเติมมาคือคู่มือ 1 แผ่นบางๆ และยางขาตั้งเอาไว้เปลี่ยนระดับครับ

ซึ่งเจ้าจุกยางขาตั้งที่ีให้มานั้น สามารถถอดเปลี่ยนกับอันที่ติดมาได้เลย จะยกให้สูงขึ้นเหมือนเจ้าอื่นที่เปิดขาตั้งด้านหลังออกมานั่นเอง

ข้อดีของจุกยางเปลี่ยนทั้งอันแบบนี้คือ ค่อนข้างแน่นหนาและยึดกับโต๊ะได้ดีกว่าขาตั้งแบบพับมากมายครับ แต่ข้อเสียก็คือพับเปลี่ยนไปมาไม่ได้ต้องคอยมานั่งแกะเปลี่ยน (และมีโอกาสที่จะทำขาตั้งที่ไม่ได้ใส่หายด้วย…. หรือว่าคนทั่วไปเค้าไม่ทำหายกันหว่า?)

ของแบบนี้แล้วแต่คนชอบละกัน ผมเองเป็นคนพิมพ์ Keyboard โดยไม่ได้ยกขาอยู่ละ

ขอตินิดนึงคือ ทำไมไม่แถมที่ดึงคีย์แคปมาให้หว่า พลาสติกก็ยังดี แม้ว่าการดีไซน์แบบปุ่มลอยจะทำให้ดึงแคปด้วยมือไม่ยากก็เถอะ… แถมไว้สักอันน่าจะช่วยตอนแกะทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น

ลักษณะภายนอก

SteelSeries Apex M650 มาพร้อมกับบอดี้ทรงดูโค้งมน ให้ลายเส้นที่ดูโฉบเฉี่ยวแต่ผสมความอ่อนช้อยลงไปด้วย ซึ่งจะต่างกับคู่แข่งอย่าง Razer หรือ Corsair ที่จะเน้นลายเส้นโฉบเฉี่ยวแล้วเหลี่ยมๆ คมๆ ครับ

วัสดุที่ใช้เป็นพลาสติกแข็งคุณภาพดี งานประกอบค่อนข้างหนักแน่น เคาะบอดี้แล้วไม่กลวงครับ (สำคัญนะเพราะถ้ามันกลวงมากๆ เวลาพิมพ์แล้วเสียงสะท้อน ก๊องๆ กลับมานี่ไม่อภิรมย์เอาซะเลย) แต่ในทางกลับก็ไม่ได้หนักเทอะทะแต่อย่างใด

ส่วนที่เป็นโลหะจะเป็นครีบด้านข้างสองฝั่งครับกับตรงโลโก้นิดหน่อย ให้เหมาะสมกับชื่อ SteelSeries อะไรงี้ล่ะนะ อิอิ แต่ครีบด้านข้างผมว่าสวยดีนะใส่แบบนี้แล้วเท่เลย

งานดีไซน์เป็นแบบแคปลอยตามสมัยนิยม ข้อดีคือทำความสะอาดง่าย ไม่กักฝุ่นใต้แป้นแบบที่หลายคนเป็นปัญหากันในบางรุ่น

Keycaps มาเป็น ABS แบบยิงเลเซอร์ให้แสงลอดธรรมดาตามที่ Gaming Gear ชอบใช้กัน ข้อดีของแบบนี้คือสามารถทำฟอนต์ไทยไฟลอดได้ง่ายและตัวอักษรไม่เลือนหาย และทาง SteelSeries ก็ยิงเลเซอร์ฟอนต์ไทยไฟลอดมาให้เลยครับ (ถ้าเป็นแบบ Double Shot ก็จะได้ปั๊มสกรีนไทยไฟไม่ลอดแทน ไม่สวยอะ)

แต่ถ้าจะขอติส่วนตัวนิดนึงคือ ตัวอักษรไทยยิงมาติดกันเกินไปนิด ทำให้ตัวที่กินพื้นที่เยอะๆ เช่น ฏ ก นั้นดูกันเบียดชิดกันไปหน่อย ดูแล้วอึดอัดแปลกๆ

ที่ผมชอบ Apex M650 มากกว่า Gaming Gear เจ้าอื่นพอตัวคือการที่ Keycaps แถวล่างสุดเป็น Standard Bottom Row ครับ (คือการที่ ปุ่มแถวล่างสุด 7 ปุ่มมีขนาดเท่ากัน) เพราะทำให้เราสามารถซื้อ Keycaps เปลี่ยนได้ง่ายมากเลยทีเดียว

ถ้าเทียบกับคู่แข่ง Gaming Gear แบรนด์อื่นเค้ามักจะชอบทำแถวล่างสุดทรงไม่เหมือนชาวบ้าน ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่ามันมีข้อดียังไง…. เชื่อเถอะว่าหลายคนที่ซื้อ Razer หรือ Corsair มาแล้วจะเปลี่ยน Keycaps ก็งานงอกหาชุดเปลี่ยนลำบากเลย

สายด้านหลังเป็นยางค่อนข้างเหนียวดูคงทนพอสมควร จุดที่น่าชมคือการที่หัวที่ออกจากด้านหลัง Keyboard และหัว USB ห่อหุ้มด้วยยางหนาอย่างดีน่าจะหมดกังวลเรื่องสายขาดได้พอสมควร แต่จุดที่น่าเสียดายคือสายไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้ครับ

Switch

Switch ที่มีให้เลือกในประเทศไทยจะมีทั้งหมด 3 รุ่นครับ นั่นก็คือ Blue, Black และ Red (อ่านบทความว่าสวิตช์แต่ละสีแตกต่างอย่างไรได้ที่นี่)

โดยสวิตช์เป็นสวิตช์แบรนด์ SteelSeries ในรุ่น QX2 ครับ โดยเป็นสวิตช์ที่ (ทาง SteelSeries อ้างว่า) พัฒนาร่วมกันกับ Gateron บริษัทผลิตสวิตช์ชื่อดังเจ้านึงของโลกครับ

แม้ว่า Gateron จะเป็นบริษัทผลิตสวิตช์ในจีน แต่ได้รับชื่อเสียงที่ค่อนข้างดีได้รับการยกย่องพอสมควรครับ โดยอยู่ในระดับที่ทาง Community เมืองนอกหลายคนนิยมเลยทีเดียว (บางคนใช้ Gateron มากกว่า Cherry ด้วยซ้ำ) จึงเรียกได้ว่าเรียกคุณภาพ ไว้ใจได้ระดับหนึ่งเลยทีเดียว

แน่นอนว่า QX2 เป็นก้านแบบ MX สามารถหาแคปเปลี่ยนได้ง่ายครับ พวกที่สามารถเปลี่ยนกับ Cherry MX ก็สามารถเปลี่ยนด้วยกันได้เลย และที่ผมชอบคือ Stabilizer เป็น Cherry ครับ ไม่ใช่ Costar คือเปลี่ยนแคปสบายเลย (Co-star Stabilizer vs Cherry Stabilizer คืออะไร ดูได้ที่นี่)

ตัว Housing ของสวิตช์เป็นแบบใสข้อดีืคอแสงจะสามารถกระจายได้เยอะกว่าทำให้ดูสว่าง ตัว LED เป็นกรอบพลาสติกแบบพิเศษไม่ได้เป็นเพียงแค่หลอดจุดเล็กๆ ทำให้กระจายแสงได้ดีขึ้นครับ ความสว่างถือว่าโอเคเลยทีเดียว

ลักษณะการพิมพ์ที่ทดลอง

• QX2 Blue (Clicky, 55g) ให้เสียงที่ดังค่อนข้างทุ้มดังกว่า Cherry MX Blue เสียงแน่นหนากว่า และดัง ฟีลลิ่งการกดค่อนข้างลื่นกว่า และ สัมผัส (Tactile) ไม่กระด้างนิ้วเกินไป
• QX2 Red (Linear45g) ค่อนข้างประทับใจเพราะเป็น Linear ที่ลื่นมาก พิมพ์สนุก แต่สำหรับผมแล้วเบาไปหน่อยลั่นง่ายไปนิด
• QX2 Black (Linear, 60g) หนักกว่า Red แบบรู้สึกได้แต่ความลื่นไม่แพ้กัน ใครรู้สึกว่า Red มันลั่นง่ายไปแนะนำ Black เลยครับ
• QX2 Brown (Tactile, 50g) ไม่ได้ลอง มันไม่เข้าไทยอะ….

สวิตช์ทั้งหมดเคลมว่ากดได้ 50 ล้านครั้ง ระยะการกดทั้งหมดที่ 4mm และ Actuation อยู่ที่ 2mm ค่อนข้างเหมือนสวิตช์มาตรฐานครับ

ฟีเจอร์ ลูกเล่นต่างๆ

จุดเด่นของ Mechanical Keyboard ของแบรนด์ Gaming Gear ก็เรื่องแสงสีนี่แหละที่จัดเต็มสะใจอยู่ครับ

สิ่งที่ผมชอบ Apex M650 คือการที่สามารถเล่นโหมดไฟได้เลยบนตัวคีย์บอร์ดเองโดยไม่ต้องลง Software อะไรในคอมพิวเตอร์เลยครับ แต่ก็สามารถเซ็ทไฟด้วย Software บนคอมได้เช่นกันครับ แต่ในส่วนของ Macro นั้นต้องเซ็ทผ่าน Software บนคอมเท่านั้นครับ

Software สำหรับ Apex M650 นั้นมีสองตัว ตัวหลักคือ SteelSeries Quickconfig สำหรับ M650 โดยเฉพาะครับ แต่หน้าตาจะดูเรียบๆ ธรรมดาหน่อย และอีกตัวคือ SteelSeries Engine ตัวใหม่ที่หน้าตาดูอลังการอยู๋

ทั้งสองตัวสามารถใช้งานเพื่อปรับแต่ง Macro และฟังก์ชั่นด้านไฟต่างๆ ได้ แต่ QuickConfig เท่านั้นที่จะรองรับการเซ็ทไฟโหมด EQ หรือโหมดที่ไฟเต้นไปตามเสียงเพลงครับ

อีกจุดที่ผมชอบเจ้า SteelSeries Apex M650 มากกว่า Mechanical Keyboard แบบ RGB แบรนด์อื่นคือการปรับไฟจะปรับรูปแบบไฟได้ทั้งหมด 2 ส่วนง่ายๆ ครับ นั่นก็คือ

• ส่วนไฟ Basic คือส่วนไฟที่จะติดตลอดเวลาโดยไม่ต้องกดอะไร โดยสามารถกด SteelSeries Logo (FN) + Ins เพื่อเปลี่ยนโหมด และ FN + Del เพื่อเปลี่ยนสีในแต่ละโหมดได้
• ส่วนไฟ Reacitve คือส่วนฟีเจอร์ไฟที่จะทำงานเพื่อเรากดปุ่ม โดยสามารถกด FN + Home เพื่อเปลี่ยนโหมด และ FN + End เพื่อเปลี่ยนสีในแต่ละโหมดได้

เนี่ยแหละครับจุดที่เจ๋ง นั่นคือเราสามารถเปลี่ยนไฟทั้งโหมด Basic ผสมกับโหมด Reactive ได้ค่อนข้างสะดวกและง่ายดายครับ โดยผสมสามารถผสม Breathing + Three-line Arrows เป็น Effect เจ๋งๆ ได้เลย

ยังไงลองดูคลิปสำหรับการทดลองโหมดไฟได้นะครับผม จะได้เห็นภาพมากกว่า โดยรวมค่อนข้างเป็น Mechanical Keyboard ที่ลูกเล่นไฟเอาเรื่องเลยทีเดียว

ส่วนของ Macro ออกตัวไว้ก่อนว่าส่วนตัวผมเองเป็นคนไม่ได้ใช้ Feature Macro เยอะเท่าไรบน Mechanical Keyboard ครับ แต่เท่าที่ลองเล่นดู Macro ดูสามารถเซ็ทได้ค่อนข้างเยอะเหมือนกัน

นอกจากเรื่อง Input เป็นตามที่ต้องการแล้วยังสามารถโยงไปถึงการเปลี่ยน Profile ที่เซ็ทไว้แต่ละแบบ และเซ็ทไปถึงการเรียกเปิดโปรแกรมต่างๆ ในเครื่องได้เลย ก็สะดวกดีเหมือนกันครับ แต่เท่าที่ลองดูยังไม่เจอส่วนที่สามารถเซ็ท FN Layer ได้ครับ พยายามงมหาอยู่เหมือนกัน

อื่นๆ เก็บตก

ส่วนของส่วนสำคัญสำหรับคนเล่นเกมเช่น Full Anti-ghosting, N-key Roll Over ก็มีอยู่แล้ว สามารถทำ Windows Key Lock ได้ด้วยการกดปุ่ม FN+Windows Key ครับ แล้วปุ่มไฟขวาบนสุดจะติดขึ้นมาครับ

ส่วน Multimedia Keys ก็มีอยู่ในช่วง F5 – F12 ครับ พวกเพิ่มลดเสียงหรือหยุดเล่นเพลงมาตรฐานทั่วไป

อ้ออีกอัน พอเรากด SteelSeries Logo (ปุ่ม FN) แล้วปุ่มที่เราสามารถกดได้จะเรืองแสงเป็นสีส้มด้วย เป็นความเล็กๆ น้อยๆ ที่ผมชอบนะ ดูใส่ใจดีว่าจะได้รู้ว่าปุ่มไหนกดได้บ้าง

สรุปโดยรวม

จุดที่ชอบ

• Standard Layout ทำให้เปลี่ยนคีย์แคปได้ง่าย
• โหมดแสงสีไฟที่เปลี่ยนจากบนตัวคีย์บอร์ดได้เลย ไม่ต้องพึ่ง Software อย่างเดียว
• ลายเส้นออกแบบโค้งทำให้ดูไม่ถึกทึนเกินไป

จุดที่ไม่ชอบ

• ของเล่นในกล่องน้อยไปหน่อย อย่างน้อยน่าจะมีที่ดึงคีย์แคปมาให้
• สกรีนไทยบนแคป ชิดกันเกินไป

SteelSeries Apex M650 เหมาะสำหรับคนที่อยากได้ Mechanical Keyboard แบบมีไฟ RGB แล้วไม่จุกจิกมาก สามารถปรับไฟจากบนตัว Keyboard ได้เลยโดยไม่ต้องลง Driver หรือ Software อะไร รวมทั้งดีไซน์แนวเส้นโค้งที่สวยงามดีจะทำให้คนหลงเสน่ห์ได้ไม่ยากเลย

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถหาซื้อได้ในราคาล่าสุดอยู่ที่ 4,990 บาท ตามร้านค้าสินค้า Gaming Gear ชั้นนำครับ โดยมาพร้อมกับ Blue, Red, Black Switch มาพร้อมคีย์ไทยให้เลือกจับจองเป็นเจ้าของกันได้ครับ

ยังไงก็ต้องขอขอบคุณ SteelSeries ประเทศไทย ไว้ด้วยนะครับสำหรับโอกาสที่ได้ยืมมารีวิวครั้งนี้

ถ้าหากมีคำถาม หรือข้อสงสัยสามารถทักทายผมมาที่เพจได้ที่ เพจนักเลงคีย์บอร์ด ครับ เผื่อมีคำถามจัดไปเลย!