แม้ว่าจะมี Wireless Mechanical Keyboard ในตลาดมาก่อนหน้านี้บ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็เป็น Bluetooth ซึ่งไม่เหมาะกับการใช้เล่นเกมหรือคอมตั้งโต๊ะเลย หรือว่าอันที่มี USB Dongle ก็มีปัญหาเรื่องแบทหมดไวอีก
อย่างที่ผมได้ไปงานเปิดตัว G613 และ G603 มา โดยการเชิญจาก Logitech ประเทศไทย ผมก็ได้เจ้าสองตัวนี้ยืมกลับมารีวิวให้ทุกท่านได้อ่านกันครับ โดยขอเริ่มจาก Wireless Mechanical Keyboard G613 ก่อนละกันครับ
ใครอยากอ่านรีวิวเมาส์ G603 เชิญได้ที่ > #GearReview Logitech G603 เมาส์ไร้สายเร็วเท่ามีสาย ใช้งานได้ 500 ชั่วโมงมีอยู่จริง!!
เช่นเคยครับใครอยากดูแบบคลิปเชิญได้ที่
คุณสมบัติเบื้องต้น
G613 เป็น Mechanical Keyboard ไร้สายแบบ Full Size พร้อมกับสวิตช์ Romer-G เอกลักษณ์เฉพาะของ Logitech (จิ้มเบาๆ สำหรับบทความเกี่ยวข้องกับ Romer-G) โดยที่ตัวนี้ไม่มี Backlight นะครับ
จุดเด่นของ G613 คือเทคโนโลยีเชื่อมต่อไร้สายแบบ LIGHTSPEED ผ่าน USB Dongle ที่ 2.4Ghz ซึ่ง Logitech เคลมว่าไม่มีดีเลย์ เทียบเท่าได้กับแบบมีสาย และกินไฟน้อยมากครับ และ G613 ยังมาพร้อมกับการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth เพิ่มมาให้อีกด้วย
โดยเจ้า G613 ใช้เป็นพลังงานจากถ่าย AA 2 ก้อน โดยเคลมว่าสามารถใช้งานทั่วไปได้นานถึง 18 เดือนเลยทีเดียวครับ ได้ฟังแค่นี้ก็เด็ดแล้วในความคิดผม เดี๋ยวไปเจาะลึกกันตั้งกะแกะกล่องโลด
แกะกล่อง
กล่องของ G613 มาในขนาดค่อนข้างยาว เหตุผลก็เพราะว่านอกจากตัว Mechanical Keyboard แล้วในกล่องยังมีอุปกรณ์เสริมมาให้ค่อนข้างเยอะด้วยครับ

กล่องดีไซน์รุ่นนี้ผมว่าสวยดีเป็นสีดำแล้วตัดด้วยตัวอักษรสีน้ำเงินสะท้อนแสงแทนที่จะเป็นสีฟ้าสดเหมือนกล่องรุ่นที่แล้ว
แกะกล่องมาจะเป็นกล่องสีดำซ้อนอีกชั้นพอเปิดออกมาก็จะมี G613 ห่อพลาสติกอยู่ พร้อมกับอุปกรณ์เสริมครับ อุปกรณ์ที่ให้มาทั้งหมดก็จะมี
- ตัวคีย์บอร์ด G613 (แหงล่ะ)
- คู่มือ
- แท่นวางโทรศัพท์มือถือ
- สายต่อเพิ่มระยะ
- USB Dongle (เก็บไว้ด้านในคีย์บอร์ด)
- ถ่าน Alkaline AA 2 ก้อน (อยู่ในด้านในคีย์บอร์ดพร้อมแถบพลาสติกกั้นถ่าน)
เรียกว่าอุปกรณ์ที่ให้มาก็ค่อนข้างครบครันดีครับ ตัวคีย์บอร์ดของ G613 กับชิ้นส่วนอื่น ตรงไหนที่เป็นพลาสติกเงาก็มีกันรอยแปะมาให้ด้วยงานละเอียดอยู่

ลักษณะภายนอก

G613 เป็น Mechanical Keyboard ทรง Full Size 104 ปุ่มมาตรฐานที่น่ายินดีคือมาพร้อมกับแคปภาษาไทยด้วยครับ เป็นแบบ Pad print เหมือนคีย์บอร์ดทั่วไป
ที่ใช้เป็นแบบ Pad Print เพราะว่าเจ้าตัว G613 นั้นไม่มี Backlight นั่นเองครับเลยไม่จำเป็นต้องทำแคปไฟลอด ที่ไม่มี Backlight เพราะว่าเรื่องของประหยัดพลังงานนั่นเอง

ส่วนที่เป็นที่รองฝ่ามือถอดไม่ได้นะครับ เป็นส่วนนึงของคีย์บอร์ดเลย ข้อดีคือทำให้มันหนักแน่นดี แต่ข้อเสียก็คือถ้าต้องการประหยัดพื้นที่นี่ ไม่สะดวกเอาเรื่องเหมือนกัน
G613 นั้นมีปุ่มเปิดปิดอยู่ด้านข้างนะครับ เป็นปุ่มเลื่อนโชว์สีเขียวสีแดง ตอนผมแกะกล่องออกมาก็งงว่าทำไมใช้ไม่ได้ ต้องเลื่อนปุ่มนี้ก่อนนะ

ตัว G613 ลักษณะภายนอกจะคล้ายๆ G213 Prodigy ที่ขายบ้านเราอยู่ตอนนี้ แต่ที่ต่างออกไปคือแถบด้านซ้ายมีปุ่ม Macro ที่เอาไว้เซ็ทแยกไว้ได้ทั้งหมด 6 ปุ่มครับ
งานประกอบโดยรวมค่อนข้างโอเคพลาสติกหนา ผิวสัมผัสด้านบนเป็นแบบด้านสากทั้งในส่วนของตัว Keyboard และที่รองฝ่ามือ (แต่คนละสีนะที่รองข้อมือสีดำเข้มกว่า) ด้านล่าง ขอบด้านข้างเป็นพลาสติกเงา พลิกมาดูด้านล่างจะเป็นพลาสติกแข็งทำลายขีดเฉียงๆ ไว้ดูสวยงามดี

ด้านล่างมีแผ่นยางกันลื่นด้านล่างขนาดยาวเต็มแผ่น และมุมด้านบนสองด้าน ขาตั้งเปิดออกได้ระดับเดียว เป็นขาแบบเปิดออกด้านข้างขนาดพอสมควร ขาล็อคดูแน่นหนาดีลองเขยื้อนซ้ายขวาขาก็ไม่พับลงไปครับ
ใกล้ๆ ขาตั้งด้านขวาเป็นฝาแกะออกมาเป็นที่ใส่ถ่าน AA 2 ก้อน และที่เก็บ USB Dongle ทำไว้ได้ขนาดพอดีไม่หลุดแน่นอน โดยถ่าน AA 2 ก้อน Logitech เคลมว่าใช้งานได้ถึง 18 เดือนเลยครับ

ด้านขวาบนของ G613 เป็นปุ่ม Mulimedia พวกเพิ่มลดเสียง Mute และควบคุมการเล่นเพลงแยกต่างหาก ปุ่มเป็นปุ่มยางเตี้ยๆ กดแล้วคลิกเบาๆ ส่วนตัวผมชอบแบบนี้นะคลำหาสะดวกดี ไม่ต้องมานั่งกด FN อีกที แต่บางคนอาจจะไม่ชอบเพราะมันดูรก อันนี้ก็แล้วแต่รสนิยมเลย
ตรงกลางด้านบนจะเป็นสามปุ่ม อันแรกเป็น Game Mode ใช้การเลื่อนเอา โดยที่ถ้าเลื่อนมาเปิด (เห็นสีฟ้า) จะเป็นการเกิด Game Mode เบื้องต้นจะ Lock แค่ปุ่ม Windows แต่เราสามารถเซ็ทปุ่มที่ล็อคไว้ได้เพิ่มเติมผ่าน Software Logitech Gaming Software (LGS) ครับ

ส่วนอีกสองปุ่มที่เป็นรูป WiFi คือเปิดการเชื่อมต่อแบบ LIGHTSPEED ผ่าน USB แล้วก็สลับไปเปลี่ยนใช้การเชื่อมต่อแบบ Bluetooth ครับ สี่เหลี่ยมเล็กๆ สองอันคือไฟแสดงสถานะแบตเตอรี่ ถ้าใกล้หมดเป็นสีแดง (ต่ำกว่า 15%) ถ้ามากกว่านั้นก็สีเขียวปกติ และไฟแสดงสถานะ Caps Lock
ที่ผมงงนิดหน่อยคือ ทำไมไม่มีไฟแสดงสถานะ Num Lock / Scroll Lock มากับเขาด้วย…. ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะนะ แต่ตลกดีมี Caps Lock อย่างเดียว
สวิตช์ Romer-G
สวิตช์ที่ G613 ใช้เป็น Romer-G ตามแบบเอกลักษณ์ของ Logiech ครับ เป็น Mechanical Switch ที่ร่วมมือกันกับบริษัท Omron ผู้ผลิตสวิตช์คุณภาพจากญี่ปุ่นสร้างมันขึ้นมา (อ่านรายละเอีัยดได้ที่นี่)
สวิตช์ Romer-G เป็นสวิตช์แบบไม่ Clicky และมี Tactile Feedback เหมือนจำพวก Cherry MX Brown ครับ แรงกดอยู่ที่ 45g เท่า Cherry MX Red และ Cherry MX Brown

แต่มีระยะกดที่ตื้นกว่าพอสมวควร ซึ่งทำให้ Logitech เคลมว่าเร็วกว่าสวิตช์อื่นถึง 25% (เพราะระยะ Actuation พี่แก 1.5mm เทียบกับสวิตช์ MX ธรรมดาที่ 2.0mm) แต่ถ้าเทียบกับพวก Speed Switch ก็ช้ากว่านิดหน่อย
ส่วนของ G613 สำหรับการเล่นเกมถือว่าเป็น Romer-G สวิตช์ที่ทำได้ค่อนข้างดีให้ความรู้สึกไวกว่าแบบ MX อื่นๆ จริงด้วยระยะสั่งการที่สั้นกว่า แต่สำหรับการทำงานทั่วไป การที่สวิตช์ตื้นขึ้นอยู่กับรสนิยมล้วนๆ ครับ ระยะกดที่ตื้นทำให้กดกระแทกสุดได้ง่ายครับ แต่ตัวผมเองชอบมีระยะเยอะหน่อยเพราะมันกดแล้วได้ระยะดีกว่า

อ้อจากที่ทดสอบมาเจ้า G613 เป็น 10KRO นะครับ สามารถกดพร้อมกันได้ 10 ปุ่ม ซึ่งเหลือแหล่พอสำหรับเล่นเกมกับทำงานครับ
ตัว Romer-G Logitech เองเคลมว่าสามารถใช้ได้ถึง 70 ล้านครั้งต่อปุ่ม ค่อนข้างสูงกว่า Cherry MX Switch อยู่ถึง 20 ล้านครั้ง (เอาจริงกดกันไม่ถึงหรอก ไม่ว่าจะค่ายไหนบทจะเจ๊งก็เจ๊ง ก็ไปก่อนทั้งนั้นแหละ)
และสำหรับคนที่อยากเปลี่ยน Keycaps Romer-G นั้นมีรูเสียบไม่เหมือนแบบ MX ที่เป็นก้านบวก เลยทำให้ไม่สามารถหาคีย์แคปแต่งมาเปลี่ยนได้นะครับ
ระบบไร้สาย LIGHTSPEED & Bluetooth
หัวใจสำคัญเลยของเจ้า G613 คือการที่มันทำงานด้วยระบบไร้สายได้นี่แหละ นับว่าเป็น Mechanical Keyboard ตัวแรกๆ ของตลาดที่ทำได้จริงจัง (จริงๆ ก่อนหน้านี้มีบ้างแต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยเวิร์ค)

เทคโนโลยี LIGHTSPEED คือการเชื่อมต่อแบบไร้สายผ่าน USB Dongle ที่ความถี่ 2.4Ghz และทาง Logitech เคลมว่าทำความเร็วได้เท่ากับมีสายที่ Polling Rate 1000Hz / 1ms เลยครับผม อีกส่วนของการเชื่อมต่อ G613 สามารถเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะต่อคอมพิวเตอร์อีกตัวหรือ Smartphone / Tablet ก็ใช้งานได้ดีเลย
สำหรับการใช้งาน LIGHTSPEED แค่เสียบ USB Dongle เข้ากับคอมพิวเตอร์ก็ใช้งานได้เลย (อ้อ อย่าลืมเปิดสวิตช์หลักของ G613 ขึ้นมาก่อนด้วยไม่งั้นเดี๋ยวงงแบบผม) แล้วก็กดปุ่ม LIGHTSPEED ให้กะพริบสีขาวก็เรียบร้อย

ส่วนของ Bluetooth นั้นถ้าต้องการจะเพิ่มเครื่องเชื่อมต่อก็กดปุ่ม Bluetooth ค้างไว้จนกว่าจะกะพริบสีฟ้ารัวๆ แล้วก็ค้นหาจาก Smartphone / คอมพิวเตอร์ ได้เลย
โดยสามารถสลับไปมาระหว่างการเชื่อมต่อของ LIGHTSPEED และ Bluetooth ได้อย่างอิสระด้วยการกดปุ่มกลมๆ สัญลักษณ์แต่ละอันที่ต้องการด้านบนเท่านั้นครับ

การสลับไปมาระหว่าง LIGHTSPEED กับ Bluetooth ใช้ในกรณีไหน?
กรณีที่ใช้คือเราเอา G613 เชื่อมต่อผ่าน LIGHTSPEED คอมที่เอาไว้เล่นเกม แล้วเชื่ีอมต่อ Bluetooth กับคอมพิวเตอร์อีกตัวหรือ Smartphone ครับ ทำให้เวลาเรารอห้องเล่นเกม หรือสลับไปคุยกับเพื่อน (หรือกับแฟน) ทำได้ง่ายๆ ไม่ต้องมานั่ง Alt-Tab เปลี่ยนไปมาจากเล่นเกม
หรือสำหรับชาว Streamer ทั้งหลายที่อัดจออยู่เครื่องนึง จะสลับไปมาคุยก็ไม่เหมาะ ดังนั้นการเชื่อมคอมสองตัวพร้อมกันสลับกันไปมาโดยใช้คีย์บอร์ดตัวเดียวทำให้ชีวิตดีขึ้นมามหาศาลเลยล่ะ
ซึ่ง Logitech ก็คิดถึงจุดนี้ถึงได้แถม Dock ในกล่องแยกมาให้เลยครับ เรียกได้ว่าคิดมาอย่างรอบคอบจริงๆ ต่อไปนี้พ่อบ้านทั้งหลายนั่งเล่นเกมอยู่ ก็ตัดมาคุย LINE บนมือถือได้อย่างเนียนเลยทีเดียว (ฮา)

โดยการต่อ Bluetooth สามารถใช้งานกับ iOS ได้อย่างไม่มีปัญหาครับเหมือนต่อคีย์บอร์ดนอกบน iOS แต่ว่าปุ่ม Windows บน G613 กลายเป็นปุ่ม Command เท่านั้น ส่วน Android นั้นอาจจะต้องหาแอพ Keyboard ที่ทำให้เราพิมพ์ไทยได้มาใช้ครับ (ผมใช้ 9420 Keyboard ตั้งค่านิดหน่อย) เพราะคีย์บอร์ดหลายตัวของ Android ไม่รองรับการพิมพ์ไทยจากการต่อ Hardware Keyboard ครับ
จากการใช้งานของผมเอง ผมลองกดเปลี่ยนไปมาหลายๆ รอบแล้ว ทำได้ดีและไม่มีปัญหาเลยครับ ต้องขอชมเชยตรงนี้ว่าทำได้ค่อนข้างดีมาก ผมลองใช้ G613 พิมพ์งานไปบนคอมพิวเตอร์และเล่นเกม แล้วพอมีคนทักมาบน iPhone ก็กด Bluetooth สลับมาคุยได้ทันที แล้วก็สลับกลับได้เลย
เซ็ทตั้งค่าต่างๆ ผ่าน Logitech Gaming Software (LGS)
การทำงานส่วนใหญ่ของเจ้า G613 นั้นจะใช้ควบคู่กับโปรแกรมชื่อว่า Logitech Gaming Software (LGS) ครับ เรื่องจากว่า G613 นั้นไม่มี On Board CPU เพราะสอบถามจากทาง Logitech มาเหตุผลคือถ้ามี On Board CPU นั้นจะกินพลังงานค่อนข้างเยอะครับ

ดังนั้นการเซ็ทพวก Macro หรือตั้งค่าส่วนใหญ่จะทำผ่าน LGS ครับ นั่นหมายถึงว่าไม่สามารถบันทึกลงไปบน G613 เพื่อเอาไปใช้กับคอมตัวอื่นได้นั่นเอง
เราสามารถตั้ง Macro ทั้งหมด 6 ปุ่มด้านซ้าย ที่เรีัยกว่า G-Keys (ปุ่ม G1 – G6) ในระบบของ LGS โดยไม่สามารถเซ็ทปุ่มอื่นได้ครับ Logitech แจ้งว่าเพราะไม่ต้องการให้เกิดการเซ็ทอย่างไม่ตั้งใจและเกิดความสับสนในผู้ใช้ทั่วไปครับ
อีกอันนึงที่เซ็ทได้ใน LGS คือปรับแต่ง Game Mode ครับ Game Mode คือสวิตช์ที่อยู่ข้างๆ LIGHTSPEED ที่เราสามารถดันมันได้เพื่อเปิดการทำงานของ Game Mode โดยพื้นฐาน Game Mode จะทำการล็อคปุ่ม Windows ให้ไม่ทำงาน เพื่อป้องกันการกดโดยไม่ตั้งใจเวลาเล่นเกมครับ เราสามารถล็อคปุ่มเพิ่มเติมได้ด้วยการตั้งค่าใน LGS ครับ

สุดท้ายคือเราสามารถตั้ง Profile ได้ว่าถ้าเราเปิดโปรแกรมนี้หรือเกมไหนขึ้นมา จะใช้ Profile โดยอัตโนมัติครับ Profile แต่ละอันก็เราสามารถเซ็ท Macro บน G-Keys หรือว่าปุ่มล็อคใน Game Mode ให้แก่เกมนั้นๆ โดยเฉพาะครับ ก็สะดวกดีเหมือนกัน
แต่เรียกไว้ก่อนว่าผมเป็นพวกใช้ Mechanical Keyboard แบบไม่ชอบเซ็ทอะไรเลย ไม่ว่าจะ Macro หรือ Profile ด้วยว่าผมทดลองใช้อุปกรณ์หลายรุนด้วย เลยอาจจะไม่ได้ใช้ฟังก์ชั่นแบบทะลุปรุโปร่งนะครับ
สรุป
จุดที่ชอบ
- ระบบไร้สาย LIGHTSPEED และ Bluetooth ใช้งานได้สะดวกสบายมาก
- ยางกันลื่นขนาดใหญ่รู้สึกแน่นหนาดี
- ปุ่ม Multimedia แยกด้านมุมขวาบนใช้งานได้ง่าย
- ใช้แค่ถ่าน AA 2 ก้อน และมีที่เก็บ USB Dongle ให้ในตัว
- มีอุปกรณ์เสริมคือ Dock Smartphone และสายต่อเพิ่มระยะให้
- คีย์แคปภาษาไทยออกแบบมาดี ไม่ได้ยิงตัวอักษรไทยเบียดๆ ลงไป
จุดที่ไม่ชอบ
- ที่รองข้อมือถอดไม่ได้ ทำให้เปลืองพื้นที่เหมือนกัน
- G-Keys ตัวบนซ้ายสุด ทำให้เวลาผมคลำแล้วนึกว่าเป็น Esc บ่อยๆ
- Romer-G เปลี่ยน Keycaps ในตลาดไม่ได้

โลโก้ G ด้านซ้ายบนดูดีนะ
สรุป
หากคนไหนกำลังตามหา Mechanical Keyboard แบบไร้สาย รู้สึกชอบกับ Switch Romer-G และไม่ได้สนเรื่องการเปลี่ยน Keycaps เพื่อใช้ในการเล่นเกมหรือทำงานตัวนี้คือตัวที่ตอบโจทย์ได้เลยครับ โดยแค่เอามาใช้งานกับคอมอย่างเดียวไม่ต่อ Bluetooth ผมว่ายังเจ๋งเลยครับ
สนนราคาอยู่ที่ 3,699 บาท ประกันครอบคลุมถึง 2 ปี พร้อมหาซื้อได้จากตัวแทนจำหน่ายสินค้า Logitech-G ครับ (หาไม่ยากหรอก) โดยจะวางจำหน่ายราวๆ เดือนตุลาคม 2560 นี้ครับ
ใครมีคำถามหรือสนใจอะไร มาคุยกันได้ที่เพจ นักเลงคีย์บอร์ด ครับผม เดี๋ยวรีวิวเมาส์เข้าคู่กัน G603 ในส่วน #GearReview จะตามมาในไม่ช้าครับ 🙂
อัลบั้มรวมภาพ
Pingback: #GearReview Logitech G603 เมาส์ไร้สายเร็วเท่ามีสาย ใช้งานได้ 500 ชั่วโมงมีอยู่จริง!! – KBGANGSTER
ผมกะจะใช้ Bluetooth เป็นหลัก ไม่ทราบว่า การเชื่อมต่อBluetooth delay บ้างไหมครับ แล้วประหยัดพลังงานเหมือนกับใช้ usb หรือไม่ครับ
ถูกใจถูกใจ
ทดลองใช้กับ Bluetooth แล้วดีเลย์เล็กน้อยครับ คือถ้าใช้พวกพิมพ์ทำงานแทบไม่มีผล แต่มีผลเวลาใช้แนวๆ เล่นเกมที่ต้องการความไวมากๆ ครับ
ส่วนประหยัดพลังงานคิดว่าอยู่ในระดับทำได้ 18 เดือนเช่นกันครับ เพราะ Bluetooth กินไฟน้อยกว่า USB อยู่แล้ว 🙂
ถูกใจถูกใจ
Pingback: พาร่วมงาน Logitech เปิดตัว G603 และ G613 ในไทย – KBGANGSTER