หลังจากที่ผมได้กลับมาจากไต้หวัน แน่นอนว่าสิ่งที่ได้ติดมือกับทริปนี้มาด้วยก็คือ Mechanical Keyboard แบรนด์ Ducky นั่นเอง
รอบนี้ไม่ได้มาเพียงแค่ Ducky One 2 Horizon TKL เท่าที่ได้เห็นกันไปก่อนหน้านี้แล้ว ผมได้เจ้า Skyline Full Size ติดมือกลับมาด้วยอีกตัวครับ
บอกตรงๆ ว่าหลังจากได้ลองใช้มาไม่กี่วัน ผมค่อนข้างประทับใจมากและทำได้ดีกว่าที่ผมคิดไว้ตอนแรกพอสมควรเลย
Ducky One 2
Ducky One เป็นซีรี่ของ Ducky ที่เน้น Mechanical Keyboard คุณภาพโดยไม่ได้มีฟีเจอร์อะไรหวือหวามากมาย (ตัวที่เล่นไฟหรือฟีเจอร์เยอะๆ คือ Shine ครับ ในขณะที่รุ่นย่อมเยาว์จะเป็น Zero)
Ducky One 2 เปิดตัวมาทีเดียวพร้อมกัน 3 สีให้เลือกกันนั่นก็คือ Horizon (ตัวมีฟ้าในภาพ) Skyline (ตัวสีเทาในภาพ) และ Backlit เป็นสีดำมีไฟลอด (ไม่ได้รีวิวในนี้) โดยมีให้เลือกทั้งรูปแบบ Tenkeyless (TKL) หรือไม่มี Numpad และ Full Size 108 ปุ่ม
นอกจากนี้ Ducky One 2 ยังมีการเปิดตัวสีอื่นๆ เพิ่มเติมด้วย ล่าสุดก็เป็นสี Midnight ที่ผมเคยเขียนถึงไป เฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน
Ducky One ตัวแรกหรือรุ่นที่แล้วเป็นรุ่นที่ค่อนข้างขึ้นชื่อและเป็นรุ่นที่กลายเป็น Daily Driver (ตัวที่ใช้งานประจำ) หลายคนเหมือนกัน
ดังนั้นเรียกได้ว่า Ducky One 2 คือการต่อยอดความสำเร็จของ Ducky One มา และโดยส่วนตัวผมเอง รู้สึกได้ว่า ทำได้ดีสมชื่อเลยครับ
คลิปรีวิวบน YouTube (อย่าลืมช่วยกัน Subscribe!)
สำหรับในคลิปรีวิวจะมีเทียบกันระหว่าง Ducky One 2 กับ Ducky One ด้วยครับ
ลักษณะภายนอก
Ducky One 2 เป็นงานที่พัฒนามาจาก Ducky One รุ่นที่แล้วไปอีกขั้นหนึ่ง โดยการออกแบบเป็นสองชิ้นประกบกัน แบ่งเป็นชิ้นฝาบนกับด้านล่าง คล้ายๆ กับ Mechanical Keyboard บางแบรนด์ที่ทำฝาบนเป็นอลูมิเนียมกับด้านล่างพลาสติก แต่อันนี้เป็นพลาสติกคนละสีสองชิ้นแทน
ด้านล่างฐานจะยกระดับเอียงเข้ามาเบาๆ พร้อมกับขาตั้งปรับระดับได้ 2 ระดับคือขาเล็กด้านในและขาใหญ่ด้านนอก สายที่ใช้เป็น USB Type C ถอดออกได้ และมาพร้อมกับสามารถจัดการสายออกได้สามทาง โดยสายเป็นสายยางปกติไม่มีอะไรเด่นเป็นพิเศษ
หลังๆ ผมเห็น Mechanical Keyboard ใช้ USB-C เยอะขึ้น และอาจจะมาแทน Micro USB ทั้งหมดในอนาคตแล้วล่ะมั้ง
ส่วน Keycaps เป็น PBT Double Shot คุณภาพค่อนข้างดีครับ ไม่ดูโปร่งบางๆ แต่ไม่หนาเท่าพวก Thick PBT ของ Ducky ที่เคยขายแยกนะครับความหนาจะพอๆ กับ Keycaps ธรรมดาทั่วไป
รุ่นที่รีวิวทั้ง Horizon กับ Skyline เป็น Non-backlit หรือไม่มีไฟนะครับ สวิตช์ที่ใช้เป็น Cherry MX Brown ทั้งคู่
มีคนถามเหมือนกันว่า Macro ได้มั้ย ผมเห็นในคู่มือมันมีนะ แต่ผมพยายามหาวิธีเซ็ทตามคู่มือก็ไม่ได้ วิธีเซ็ทมันค่อนข้างซับซ้อนพอตัวอยู่ แต่ผมไม่ได้ใช้อยู่แล้วเลยไม่อะไรมาก แค่หงุดหงิดนิดหน่อยตอนปรับเสียงนิดหน่อยบน TKL
ส่วนของ Full Size นั้นจะมีมุมขวาบนเพิ่มเติมมาอีก 4 ปุ่มครับ นั่นก็คือปุ่มเครื่องคิดเลข ปิดเสียง (Mute) ลดเสียง เพิ่มเสียง ฉะนั้นจริงๆ แล้วตัว Full Size ก็จะเป็น 108 ปุ่มนั่นเอง
อ้อในกล่องจะมีแถม Keycaps PBT เซ็ทสีพิเศษมาให้ด้วย โดย Horizon ผมได้มาเป็นสีเหลือง Skyline มาเป็นสีฟ้าเขียว แต่ถามที่ร้านเค้าบอกว่าแต่ละล็อทอาจจะมีการเปลี่ยนสีไม่แน่นอนต้องดูด้วย อย่าง Skyline ตอนแรกมาเป็นน้ำเงินแต่ว่าคนไม่ค่อยชอบกัน Ducky เลยเปลี่ยนเป็นสีฟ้าเขียว ซึ่งผลตอบรับดีกว่า
ส่วนรุ่นที่ขายเมืองไทยนั้นจะมีการสกรีนอักษรไทยไว้ข้างๆ Keycaps ตัวที่ผมรีวิวซื้อมาจากไต้หวันก็จะไม่มีตรงนี้นะครับผม (รูปด้านล่างเป็นตัวอย่างจาก Envisimple)
ความประทับใจ
งานประกอบเป็นสิ่งที่ประทับใจมากๆ สำหรับเจ้า Ducky One 2 ครับ บอกตรงๆ ว่าเหนือคาดกว่าที่คิดไว้พอตัว
แม้ว่าจะเป็นพลาสติกสองชิ้น แต่บอกได้เลยว่างานประกอบโคตรดีมาก คือไม่รู้สึกถึงช่องว่างหรือความรู้สึกแยกกันเลย มันเนียนเหมือนเป็นบอดี้ชิ้นเดียวกันเลยครับ อันนี้ต้องขอชมเชยจริงๆ
Cherry MX Brown ของ Ducky One 2 ที่ผมรู้สึกได้ว่าฟีลลิ่งค่อนข้าง ลื่นไหลนุ่มนวล (Smooth) พอสมควร น่าจะเป็น Switch ยุคใหม่ของ Cherry หรือที่เราเรียกว่า Retool Switch ครับ ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนเครื่องมือการผลิตใหม่
โดยมันจะ Smooth มากพอสมควรเทียบกับ Cherry MX Brown ใน Ducky One ตัวแรกที่ผมมี อันนั้นจะรู้สึกถึง Bump ได้มากกว่า ดังนั้นมันไม่มีอะไรดีกว่านะ มันอยู่ที่ความชอบเหมือนกัน
สิ่งที่ผมประทับใจอีกอย่างนึงของเจ้า Ducky One 2 มากกว่า Mechanical Keyboard ที่เคยลองหลายรุ่น (รวมถึงของ Ducky เองด้วย) คือการที่เสียง Bottom Out (เสียงเวลากดสุด) นั้นเบาและแน่นมาก ไม่ได้มีอาการเสียงแต๊กๆ ดังๆ กังวานเหมือนรุ่นอื่นเลย
แต่ไม่นับ Blue Switch นะ อันนั้นมันต้องดังอยู่แล้วเพราะเสียงคลิกนั้นมาจากตัวสวิตช์เอง….
จากการที่สอบถามมิตรสหายบางท่าน น่าจะเกิดจากการที่บอดี้ด้านในมีการ Damp เสียงไว้ (อาจจะยัดโฟมหรือยาง) ทำให้มันไม่เกิดเสียงสะท้อนก้องเวลา Bottom Out ครับ การที่เสียงมันแน่นขึ้นมันทำให้ฟีลลิ่งการพิมพ์มันเจ๋งดีเหมือนกัน
สรุป
จุดที่ชอบ
- งานประกอบดีมาก พลาสติกแน่นหนาสุดๆ
- Keycaps คุณภาพดี PBT Double-shot ให้ฟีลลิ่งที่แน่นมาก
- งานดีไซน์ที่เรียบๆ แต่ก็มีลายเส้นที่ซ่อนไว้ ไม่ได้เป็น Block สี่เหลี่ยมทื่อๆ
- เสียง Bottom Out ที่นุ่มนวลนิ่มดูพรีเมี่ยมมาก (จริงๆ นะ)
จุดที่ไม่ชอบ
- สาย USB-C ที่ให้มาเป็นยางดำๆ ธรรมดาเลย
- น่าจะใส่ Shortcut ทั่วไป (ที่กด FN) มาให้เลย ตัว TKL นี่ปรับเสียงไม่ได้เลยถ้ายังไม่เซ็ท Macro เอง ซึ่งผมก็ขี้เกียจเซ็ทด้วย
- ชื่อรุ่น One 2 คืออะไร…. ตลกวุ้ย วันทู วันทู
สำหรับใครที่มอง Mechanical Keyboard ที่หน้าตาอาจจะไม่อลังการ (แต่ Horizon สีนี่เรียกได้ว่าอลังการอยู่นะ) ไม่ได้เน้นฟีเจอร์เรื่องไฟอะไร (มันมีตัว Backlit ด้วย แต่ก็ไฟธรรมดาไม่ได้เล่น RGB อะไร) แล้วเน้นเรื่องงานประกอบที่ดีหน่อย
ผมว่า Ducky One 2 เป็นอะไรที่ตอบโจทย์นะ อย่างที่บอกว่าหลายคนเอามาเป็น Daily Driver ใช้งานประจำทุกวันได้เลย (ถ้าอยากได้ไฟก็สอยรุ่น Backlit) แต่ถ้าใครอยากได้เน้นเอาไปเล่นเกมโดยเฉพาะ เซ็ท Macro ได้เยอะๆ หรือมีไฟอลังการงานสร้าง อาจจะต้องมองข้ามตัวนี้ไป (ถ้ายังชอบแบรนด์ Ducky ก็ไปเล่น Series Shine เอาครับ)
Ducky One 2 น่าจะเป็นคำตอบที่ดีในหมู่คนที่เอาไปใช้ทำงานหรือเขียนงานด้วย เพราะหน้าตามันไม่ได้ฉีกเกินไปที่จะเอาไปใช้ในที่ทำงาน ยิ่งอย่างที่ผมบอกว่ามันเหมือน Damp มาดีมาก ผมใช้ Brown Switch เสียงยังเงียบมากๆ เลยครับถ้าเทียบกับ Brown ตัวอื่น (ลองดูคลิปได้มีเทียบเสียงอยู่กับ Ducky One ตัวที่แล้ว)
ใครที่สนใจก็สามารถหาซื้อในเมืองไทยได้จากตัวแทนจำหน่ายจาก IT-works ครับ อย่างที่เห็นก็มี KEMISTRY / Envisimple / Zest หลังๆ ผมเห็น JIB ก็เอาเข้ามาขายกับเค้าด้วย เรียกได้ว่าหาซื้อง่ายขึ้นแหละ
สำหรับใครที่ชอบบทความอย่าลืมกด Like Fanpage นักเลงคีย์บอร์ด แล้วก็อย่าลืมกดติดตาม YouTube KBGangster ด้วยนะครับผม รอบหน้าจะมีรีวิวอะไรอย่าลืมติดตามกัน
อัลบั้มรูปภาพแบบจัดเต็ม
0 comments on “[MechReview] Ducky One 2 Horizon TKL & Skyline Full Size”