เมื่อพูดถึง Mechanical Keyboard สำหรับคนทั่วไปที่ยังไม่ได้เริ่มสนใจอะไรก็อาจจะไม่เข้าใจว่ามันต่างกับคีย์บอร์ดปกติอย่างไร
ผมเองก็ดันไปพูดถึง Switch แต่ละประเภทแตกต่างกันยังไง โดยไม่ได้พูดถึงความแตกต่างแบบพื้นฐานก่อนเลย มีคนทักกันมาก็เลยเขียนถึงให้กันดีกว่า
เชื่อว่าหลายคนที่ยังไม่เคยจับ Mechanical Keyboard คงจะเริ่มสงสัยว่าแล้วจะรู้ได้ไงว่าคีย์บอร์ดที่เราใช้นั้นเป็นยังไง แล้วก็ต่างกันกับคีย์บอร์ดที่ใช้ประจำยังไง
คีย์บอร์ดสำหรับต่อคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ ที่คนส่วนใหญ่ใช้กัน เรียกได้ว่าร้อยละ 90% ได้เลยคือคีย์บอร์ดที่เรียกกันว่า “ปุ่มยาง” หรือ “Rubber Dome” หรือ “Membrane” ครับ
Rubber-dome / Membrane (ปุ่มยาง)
ปุ่มยางเป็นเทคโนโลยีที่ผลิตได้ถูกที่สุด ทำให้ราคามันย่อมเยาว์ และขายกันเกลื่อนกลาดเต็มตลาดสำหรับการใช้ในการทำงาน (ความจริง Rubber-dome กับ Membrane นั้นในทางเทคนิคไม่เหมือนกันซะทีเดียว แต่ปัจจุบันโดนเอามาใช้แทนกันพอตัวครับ เลยขอใช้เรียกรวมๆว่าเป็นประเภทเดียวกันไปก่อนเนอะ)
ลักษณะการทำงานของมันคือ มีแผ่นโดมยางครอบใต้ปุ่ม เอาไว้ดันปุ่มให้ลอยขึ้นมา พอเราใช้แรงกดลงไปโดมยางก็ยุบตัว บุ๋ม คอนแทคใต้ปุ่มมันก็จะไปโดนแผงวงจรด้านล่าง ครบวงจรก็พิมพ์ขึ้นจอชิลๆ

หลายคนอาจจะอยู่กับคีย์บอร์ดแบบนี้จนชิน แต่ถ้าลองเปรียบเทียบกับคนที่ใช้ Mechanical Keyboard ฟีลลิ่งการพิมพ์จะสู้ไม่ได้ เหมือนกดปุ่มยางแข็งๆที่ไม่มีจังหวะการพิมพ์เท่าไร ยิ่งถ้าเจอยางคุณภาพไม่ดีจะย้วยๆไม่กระชับอีกต่างหาก
อีกอย่างที่คีย์บอร์ดปุ่มยางทำได้ไม่ดีคือเรื่อง Keyboard Ghosting หรือเวลาเรากดหลายๆ ปุ่มพร้อมกันอาจจะไม่ทำงาน (หรืออาการหลอนกดไม่ติดบางปุ่ม เวลากดพร้อมกันหรือกดรัวๆ)
นอกจากนั้นปุ่มยางมีโอกาสเสียหายได้ง่าย (ในรุ่นที่ถูกๆ) และถ้าเสียหายบางส่วนโดยเฉพาะแผงยางจะซ่อมค่อนข้างยากหรือไม่ได้เลย ทางออกก็คือซื้อใหม่อย่างเดียว แต่ก็อย่างว่า ด้วยราคา 300-700 บาท เรียกได้ว่าซื้อใหม่อาจจะคุ้มกว่าอยู่ดี
ข้อดีของ Rubber Dome คีย์บอร์ดคือมันถูก… แค่นั้นแหละ อ้อ อีกอย่างคือเสียงมันเบาสุดเพราะมันกดบนยางด้วย

หลายคนอาจจะรู้สึกว่าที่ชั้นใช้ก็ไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งผมก็เห็นด้วยนะว่า “ใช้งานได้” มันก็พอแหละ แต่ถ้าต้องการของที่มันตอบสนองได้ยิ่งกว่าแค่ระดับ “ใช้งานได้” เราควรจะรู้จัก Mechanical Keyboard ไว้ครับ
Mechanical Keyboard (แมคคานิคอลคีย์บอร์ด หรือแป้นพิมพ์กลไก)

จุดแตกต่างหลักๆ ของเจ้า Mechanical Keyboard กับ Rubber Dome คือมันไม่ได้ใช้แผงยางแบบเดียวกันกับคีย์บอร์ดปกติ แต่ใช้สวิตช์แยกแต่ละตัวแยกกันแต่ละปุ่ม ซึ่งแต่ละปุ่มนั้นก็มีการทำงานแยกกันอย่างชัดเจนและมีกลไกแยกกัน ดังนั้นถ้าปุ่มพังปุ่มเดียว ส่งซ่อมเปลี่ยนแค่ปุ่มเดียวก็กลับมาทำงานได้ครับ (ยกเว้นแผงบอร์ดวงจรด้านล่างพังนะ ซึ่งยากมาก)
ความคงทนของสวิตช์แต่ละอันนี่รองรับการกดมากกว่า 50 ล้านครั้ง ดังนั้นโอกาสที่จะเจ๊งตามเงื่อนไขนี่บอกเลยว่าไม่ง่าย (แต่บางทีเกิดจากสวิตช์ไม่ได้คุณภาพ หรือคุณภาพการผลิตจากโรงงานไม่ดีก็มีปัญหาได้ ส่วนใหญ่แบรนด์ไทยจะรับประกันการเคลมอยู่ละ)
โดยสวิตช์นั้นจะมีหลากหลายแบบให้เลือกกัน แต่ที่แบบนิยมเราเรียกว่าสวิตช์แบบ MX ที่เริ่มต้นผลิตจากบริษัท Cherry ที่เยอรมันนั่นเอง ปัจจุบันมีโรงงานจีนผลิตสวิตช์แบบเดียวกันออกมาแข่งหลายเจ้าทีเดียวหลังจากที่สิทธิบัตรหมดไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้

ถ้าใครไม่เคยลองสัมผัสเจ้า Mechanical Keyboard อยากให้ลองสัมผัสกันก่อน ตอนนี้ตามร้านขายอุปกรณ์คอมประเภท JIB, IT City หรือ Banana IT ก็เอาออกมาให้ลองเล่นกันเยอะแยะ หรือถ้าไปตามงานเกมต่างๆ ก็มีออกมาโชว์กันเยอะแยะเลยทีเดียว
มันดีขนาดนั้นเหรอ?
ผมแนะนำให้ลองถามเพื่อนคนที่ใช้อยู่ดู รับรองบรรยายสรรพคุณกันทั้งวัน มันเป็นอะไรที่คนที่ไม่เคยลองจะไม่เก็ทแต่พอลองใช้จริงๆ แล้วจะพบว่ามันดีจริงๆ มันทำให้เราพิมพ์สนุกใช้งานแล้วฟิน เหมือนเป็นอุปกรณ์เฉพาะตัว เหมือนปากกาคู่ใจของเราในการทำงานนั่นเองครับ
อย่าลืมว่าหลายคนอยู่กับคีย์บอร์ดพิมพ์งานเล่นเกมในวันนึงหลายชั่วโมงนะ มากกว่ากินข้าวหรืออะไรอีกทำไมเราจะซื้อของดีๆ ให้กับตัวเองไม่ได้จริงไหม? หรือแค่ซื้อมาไว้พิมพ์บ่นตั้งสเตตัสเฟสบุ้คก็คุ้มแล้วนะ อิอิ
Mechanical Switch นั้นนอกจากให้ฟีลลิ่งการพิมพ์ที่สนุก และสามารถเลือกประเภทสวิตช์ที่เหมาะสมกับนิสัยการพิมพ์ตัวเองได้ บางคนอาจจะต้องการน้ำหนักเบา น้ำหนักปานกลาง หรือน้ำหนักมาก รวมถึงสามารถเลือกประเภทสวิตช์ที่ตัวเองชื่นชอบได้อีกด้วย ถ้าใครสนใจลองอ่านบทความการเลือกสวิตช์ตัวเต็มได้ที่ #MechBasic สวิตช์ของ Mechanical Keyboard แต่ละแบบต่างกันยังไง? อันไหนดีที่สุด?
อ้อ ข้อดีเล็กๆ อีกอันคือสามารถเปลี่ยน Keycaps เพื่อความสวยงามได้ครับซึ่งดึงเปลี่ยนไม่ได้ยากเลย (แต่เปลืองตังค์แทน) ทำให้เราสามารถดีไซน์อุปกรณ์เราในแบบที่เราต้องการได้เช่นกัน

เห็นมี Semi Mechanical ด้วย มันคืออะไร?
Semi Mechanical หรือ Mecha-membrane หรือ Mechanical-Like คือศัพท์ทางการตลาดที่ผู้ผลิตคีย์บอร์ดคิดขึ้นมาครับ เพื่อเอาบางจุดของ Mechanical Keyboard มาใส่ในปุ่มยาง

โดยออกมาเป็นลักษณะแผ่นโดมยางด้านล่างเหมือนคีย์บอร์ดปุ่มยางปกติ แต่ทำส่วนบนเลียนแบบ Mechanical Keyboard ให้สามารถเปลี่ยนคีย์แคปได้ อาจจะทำทรงเลียนแบบ หรือใส่ฟีเจอร์เสียงคลิกนิดๆหน่อยๆ หรือเพิ่มแสงไฟ RGB ให้เท่ๆ ให้รู้สึกได้ว่าเหมือนได้ใช้ใกล้ Mechanical Keyboard ขึ้นมานิดนึง
บอกได้ว่าจริงๆ มันก็คือคีย์บอร์ดปุ่มยางธรรมดาๆ เนี่ยแหละครับ แค่เพิ่มฟีเจอร์บางส่วน ผู้ผลิตเค้าเอามาขายเพราะต้นทุนถูกกว่า Mechanical Keyboard พอตัว แต่ได้เรื่องไฟ เรื่องรูปทรงที่ดูแบบเกมมิ่งมาขายครับ
เห็น Mechanical Keyboard ดังในหมู่คนเล่นเกม คนทำงานธรรมดาทั่วไปใช้ได้เหรอ?
ตอบเลยว่าได้ครับ ตัวผมเองก็ไม่ได้เล่นเกมหนักขนาดนั้น แต่ยังสนุกกับ Mechanical Keyboard มีใช้ในการพิมพ์งาน หรือทำงานหลักๆ เลย โดยที่เชื่อกันว่า Mechanical = เสียงดัง นั้นไม่จริงเสมอไปครับ ถ้าใช้วิตช์ประเภทที่เสียงเบามันก็มีอยู่
ในเมื่อ Mechanical Keyboard ให้ความรู้สึกในการพิมพ์ที่สนุก และคล่องตัว ยิ่งคนทำงานหรือใช้งานคอมพิวเตอร์เยอะๆ นี่แหละที่ต้องใช้ บางบริษัทนี่มีงบให้โปรแกรมเมอร์เบิกค่า Mechanical Keyboard เลยนะ
ถ้าใครสนใจ ว่ามันดียังไง สำหรับคนทำงาน อ่านบทความเต็มๆ เชิญได้เลยที่ #MechBasic Mechanical Keyboard ดียังไง? ทำไมเราถึงควรใช้? ใช้เล่นเกมอย่างเดียว?
หวังว่าบทความนี้จะเป็นอะไรที่ทำให้คนทั่วไปอยากลองใช้ Keyboard Mechanical ดูนะครับ 🙂 โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยลองมาก่อน
โดยใครมีคำถามหรือสนใจอยากพูดคุยกันเชิญได้ที่เพจ นักเลงคีย์บอร์ด KBGangster เลยสำหรับผู้ที่สนใจจ้า
Pingback: #BuyingGuide เลือกซื้อ Mechanical Keyboard ควรพิจารณาอะไรบ้าง – KBGANGSTER